บทกวี “เมล็ดพันธุ์” ในรวมบทกวี “มือนั้นสีขาว” โดย ศักดิ์ศิริ มีสมสืบ
บทกวีนี้ได้สะท้อนการใช้ชีวิตของคนในสังคม ในแง่ของการแบ่งปัน โดยได้เล่าว่า
มีมะม่วงลูกหนึ่ง มีคนสองคนกำลังแบ่งกันกินมะม่วงลูกนั้นอยู่
โดยที่ต่างคนต่างผลัดกันกัดผลัดกันกินคนละคำ
โดยที่มีการทะเลาะหรือแย่งกันแต่อย่างใด
เมื่อกินเสร็จก็ได้โยนเมล็ดที่กินเนื้อจนหมดแล้วลงที่พื้น
เมื่อการเวลาผ่านไปเมล็ดมะม่วงนั้นก็ได้เติมโตตามธรรมชาติ จากความข้างต้นนี้จะวิเคราะห์ได้ว่า
ในการแบ่งปันนั้นเมื่อต่างฝ่ายต่างแบ่งปันกันนั้นทั้งคู่ต่างก็จะได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสิ้น
และเมื่อรู้จักแบ่งปันก็จะเกิดความปรองดองความสามัคคี
ถึงแม้ว่าต่างฝ่ายต่างได้ส่วนที่ต้องการแล้วนั้น และในส่วนที่ไม่ต้องการนั้นเมื่อมันอยู่ในสภาพที่ดีอยู่นั้นบางครั้งบางอย่างถึงแม้อาจจะไม่ได้ตั้งใจที่จะทิ้งหรือตั้งใจที่จะทำมันก็ตาม
แต่ก็อาจจะทำให้เกิดผลที่ไม่ได้ขาดคิดขึ้นได้
แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นมานั้นก็อาจจะทำประโยชน์ให้เราอีกมากมายก็ได้
การใช้ชีวิตของคนในสังคมก็เช่นกัน เมื่อรู้จักแบ่งปัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกัน
สังคมก็จะเกิดความสงบสุข ไม่ใช่เพียงแต่ในประเทศเราเท่านั้น
แต่กับทุกที่ทุกประเทศบนโลกนี้ก็เช่นกัน เหมือนกับในช่วงที่สองของบทกวีนี้
ได้เล่าเกี่ยวกับ ต้นมะม่วงต้นหนึ่งซึ่งอยู่ตรงรั้วระหว่างครอบครัว ๒ ครอบครัว
ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์ที่เด็กจากสองครอบครัวได้ทะเลาะแย่งผลม่วงกัน
โดยที่ผู้เล่านั้นได้บอกว่า
อย่าถึงต้องช่วงชิงกันบ้าระห่ำ
ผลัดกันกัดทีละคำเถอะนะลูกเอย
เพื่อเมล็ดพันธุ์จะได้งอกเงยอย่างงดงาม
อย่าเหมือนลุกไม้ในสวนแห่งความเห็นแก่ตัว
ที่เขากั้นรั้วด้วยขวากแหลมและเรียวหนาม.
ซึ่งบทความข้างต้นได้บอกเล่าโดยให้ความหมายว่า
ไม่ควรที่จะแย่งชิงกันด้วยความโหดร้าย ควรที่จะแบ่งปันกันอย่างประนีประนอม
เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย และเมื่อเมล็ดไม่ได้เกิดความเสียหาย
เมล็ดนั้นก็จะสามารถงอกเงยเป็นต้นมะม่วงต้นใหม่ได้ ซึ่งก็จะสร้างผลประโยชน์ให้อีกมากมาย
แต่ถ้าต่างเห็นแก่ตัวแล้วนั้นก็อาจจะเป็นเหตุให้เกิดความเลวร้ายขึ้นได้
กมลรัตน์ กรุดสายสอาด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น